สั่งสินค้าจากจีน สถิติการช็อปปิ้งออนไลน์ 10 อันดับที่คุณต้องรู้

สั่งสินค้าจากจีน สถิติการช็อปปิ้งออนไลน์ 10 อันดับที่คุณต้องรู้- weshopchina สั่งสินค้าจากจีน สั่งสินค้าจากจีน สถิติการช็อปปิ้งออนไลน์ 10 อันดับที่คุณต้องรู้                                                                       10                                                           weshopchina 768x402

สั่งสินค้าจากจีน ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา

การซื้อสินค้าออนไลน์กลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

โดยเฉพาะในประเทศที่เป็นยักษ์ใหญ่ทางด้าน E-Commerce โลกอย่างจีน สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่น เยอรมนี (อ้างอิงจาก www.business.com)  

        พฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก และนับวันก็ดูเหมือนจะมีจำนวนผู้ซื้อสินค้าและบริการออนไลน์เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะในสถานการณ์ Covid ที่ผ่านมา และหลังจากนี้เป็นต้นไป

        หนึ่งในเหตุผลที่การช็อปปิ้งออนไลน์เติบโตอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นเพราะประสบการณ์ความพึงพอใจที่ธุรกิจมอบให้กับลูกค้า โดยวันนี้ Weshopchina ได้รวบรวม 10 สถิติน่าสนใจเกี่ยวกับการช็อปปิ้งออนไลน์มาฝาก เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจออนไลน์ในปีนี้และปีต่อๆ ไป

       1. จำนวนคนช็อปปิ้งออนไลน์

        ในปี 2018 มีคนราว 1.8 พันล้านคนทั่วโลกที่ช็อปออนไลน์ ซึ่งมียอดค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก 2.8 ล้านล้านดอลลาร์  โดยคาดการณ์ว่ายอดค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกจะเติบโตสูงถึง 4.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2021 การเติบโตของการช้อปออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นและดูเหมือนจะไม่มีท่าทีลดลงในเร็วๆ นี้ เนื่องจากมีการแข่งขันด้านราคา ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่หลากหลาย สามารถค้นหารายละเอียดและคำอธิบายผลิตภัณฑ์ได้ง่ายดาย อีกทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เช่น มุมมองผลิตภัณฑ์แบบ 360 องศาและรายละเอียดขนาดจำลองสำหรับร้านขายเสื้อผ้าออนไลน์ 

       2. เริ่มต้นช็อปปิ้งออนไลน์

         การช็อปปิ้งออนไลน์สูงถึง 63% ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่าลูกค้าจะทำการสั่งซื้อในร้านค้าออนไลน์หรือในร้านค้าทั่วไป ลูกค้ามักจะเริ่มศึกษาผลิตภัณฑ์ที่สนใจด้วยช่องทางออนไลน์ โดยส่วนใหญ่มักผ่าน Google หรือ Amazon จึงทำให้ร้านค้าออนไลน์มีความแข็งแกร่ง การปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าตั้งแต่ขั้นตอนแรกจะทำให้ธุรกิจมีโอกาสสูงที่จะได้รับการซื้อจากลูกค้า นอกจากนี้ สิ่งที่ร้านค้าออนไลน์ต้องให้ความสำคัญ คือ การปรับปรุงเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับลูกค้า เช่น ค้นหาสินค้าได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น 

       3. ผู้บริโภคช็อปปิ้งผ่านมือถือ

        ผู้บริโภคเกือบครึ่งซื้อสินค้าบนมือถือ โดยเฉพาะบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ดังนั้นร้านค้าออนไลน์ควรมีแอปมือถือที่ใช้งานง่ายหรือเว็บไซต์บนมือถือที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ 

       4. ตลาดที่ใหญ่ที่สุดทั่วโลก

        แพลตฟอร์มจีน Taobao เป็นตลาดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในปี 2019 รองลงมาคือ Tmall และ Amazon ตามลำดับ ส่วน Alibaba, Amazon และ eBay มียอดขายทั่วโลกโดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ในปี 2018 ตลาดอีคอมเมิร์ซเป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการผลิตภัณฑ์โดยบุคคลที่สามหรือพ่อค้าแม่ค้าทั่วไปสามารถใช้พื้นที่บนแพลตฟอร์มเป็นหน้าร้านเพื่อจำหน่ายสินค้า ทั้งนี้ ตลาดอีคอมเมิร์ซเป็นแพลตฟอร์มที่แสดงรายการผลิตภัณฑ์จากผู้ขายหลายราย ผู้บริโภคจึงได้เปรียบในแง่ที่สามารถเลือกสินค้าได้หลากหลายทั้งด้านคุณภาพ และราคา รวมทั้งพร้อมใช้งานได้ทันที 

       5. วิธีชำระเงินออนไลน์ยอดนิยม

       eWallet เช่น Apple Pay, Samsung Pay, Google Pay และ PayPal เป็นวิธีการชำระเงินที่เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ซื้อออนไลน์ทั่วโลก โดยมากกว่า 36 % ของผู้ซื้อออนไลน์ชำระเงินด้วยวิธีนี้ ส่วนบัตรเครดิตและบัตรเดบิตเป็นวิธีการชำระเงินยอดนิยมอันดับ 2 และ 3 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ร้านค้าออนไลน์หรือร้านค้าอีคอมเมิร์ซจำเป็นต้องพิจารณาช่องทางการชำระเงินที่ง่ายและปลอดภัยให้กับลูกค้า รวมทั้งพิจารณาสถานที่ตั้งของกลุ่มเป้าหมาย เช่น เมือง เขต ย่าน และจังหวัด เพื่อเลือกวิธีการชำระเงินที่พวกเขารู้จักและคุ้นเคย

       6. ผลกระทบของ COVID-19 ต่อพฤติกรรมการช็อปปิ้ง

       หนึ่งในพฤติกรรมการช็อปปิ้งที่มีอิทธิพลมากที่สุดในปีนี้มาจากผลกระทบของ COVID-19 รวมถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่มีมาตรการจำกัดการออกจากบ้านอย่างเข้มงวด ทำให้จำนวนผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนความคิดของผู้ซื้อออนไลน์ที่มีแนวโน้มซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น แม้ว่าการระบาดของ COVID-19 จะจบสิ้นลงแล้วก็ตาม

       7. ผู้ซื้อคาดว่าจะเห็นสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

        ความต้องการของนักช็อปเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจอีคอมเมิร์ซจำเป็นต้องติดตามความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ เช่นเดียวกับผู้ค้าปลีกที่ต้องพัฒนาขึ้นตามไปด้วยโดยการจัดหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้ลูกค้ามีความหลากหลายในการเลือกซื้อมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังดึงดูดลูกค้าเก่าด้วยข้อเสนอที่น่าสนใจของผลิตภัณฑ์ 

        8. ผู้คนช็อปออนไลน์บ่อยแค่ไหน?

        62% ของผู้ซื้อออนไลน์ซื้อสินค้าอย่างน้อย 1 ครั้งต่อเดือน 26%  ซื้อสินค้าออนไลน์สัปดาห์ละ 1 ครั้งและอีก 3% ซื้อสินค้าวันละ 1 ครั้ง แต่นักช็อปปิ้งออนไลน์จะรู้สึกลังเลใจในการเลือกซื้อสินค้าจนไม่สามารถทำการสั่งซื้อออนไลน์ได้ในที่สุด ดังนั้นธุรกิจออนไลน์จึงควรสร้างกระบวนการตัดสินใจของลูกค้าให้ราบรื่นขึ้น เช่น คำวิจารณ์หรือรีวิวสินค้าจากผู้ใช้จริง การตอบคำถามลูกค้าบนหน้าเว็บเพจ เป็นต้น

       9. หมวดหมู่อีคอมเมิร์ซที่เติบโตเร็วที่สุดในช่วง COVID-19

        จากการสำรวจล่าสุดโดย Adobe เปิดเผยว่ายอดขายของผลิตภัณฑ์ เช่น เจลล้างมือ ถุงมือและหน้ากากอนามัย เพิ่มขึ้นกว่า 800% ในช่วง 10 สัปดาห์แรกของปี 2020 อีกทั้งกระดาษชำระ ยาแก้ปวดและยาลดไข้หวัด มียอดขายพุ่งขึ้นถึง 231% และ 217% ตามลำดับ นอกจากนี้ การที่โรงยิมปิดตัวลงและจำกัดการออกจากบ้าน ทำให้ความต้องการอุปกรณ์ออกกำลังกายเพิ่มขึ้นถึง 55% ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม รวมไปถึงยอดขายของผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะผู้คนไม่เพียงแต่ใช้เวลาอยู่ที่บ้านแต่ยังต้องทำงานที่บ้าน ทำให้ในสหรัฐอเมริกายอดขายผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านเพิ่มขึ้น 13% ในต้นเดือนมีนาคมเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว อ่านต่อที่ เปิดโผสินค้าออนไลน์ ขายดีที่สุดช่วงโควิด-19

        10. เหตุผลหลักสำหรับผู้ซื้อออนไลน์ที่จะละทิ้งรถเข็นของพวกเขา

        การที่ลูกค้าหยิบสินค้าลงตระกร้ารถเข็นแต่กลับไม่ทำการสั่งซื้อให้เสร็จสิ้น 63% เป็นเพราะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการจัดส่ง รวมถึงรหัสส่วนลดที่ใช้งานไม่ได้ คำสั่งซื้อที่ใช้เวลาจัดส่งนานและเหตุผลอื่น ๆ เช่น ต้องป้อนข้อมูลบัตรเครดิตหรือข้อมูลการจัดส่งอีกครั้ง ซึ่งการเพิ่มค่าใช้จ่ายที่แอบแฝงในขั้นตอนสุดท้ายทำให้ลูกค้าไม่ตัดสินใจสั่งซื้อ  ดังนั้นธุรกิจควรมีความโปร่งใสและนำเสนออย่างเปิดเผย รวมทั้งการจัดส่งฟรีนั้นกลายเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่าข้อได้เปรียบอื่นๆ 

         การช็อปปิ้งออนไลน์ เช่น การพรีออเดอร์สินค้า การสั่งสินค้าจากจีนผ่านเว็บไซต์ E-Commerce ที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอาจจะได้เห็นการพัฒนาอย่างรุดหน้า หากธุรกิจต้องการที่จะอยู่รอดในการแข่งขันนี้ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับร้านค้าออนไลน์มากขึ้น รวมทั้งควรคำนึงถึงสถิติการช็อปออนไลน์ เพื่อวางแผนกลยุทธ์ของธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

ที่มา: oberlo.com/business.com